การใส่สายสวนลากลิ่มเลือด รักษาผู้ป่วยหลอดเลือดสมองตีบและอุดตัน
ศูนย์ : ศูนย์สมองและระบบประสาท
บทความโดย : นพ. ชาญวิทย์ อนุเคราะห์วิทยา
ผู้ป่วยที่มีอาการของหลอดเลือดสมองตีบและอุดตัน แขนขาอ่อนแรง ซีกใดซีกหนึ่ง ปากเบี้ยว พูดไม่ชัด ตามัว หรือตามองไม่เห็นข้างใดข้างหนึ่ง เดินเซ เสียการทรงตัว ถ้ามาถึงโรงพยาบาลภายใน 4.5 ชั่วโมงแรก จะรักษาด้วยการฉีดยาละลายลิ่มเลือดซึ่งช่วยลดความพิการและความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตลงได้ สำหรับผู้ป่วยที่มาถึงโรงพยาบาลช้าจนไม่สามารถให้ยาละลายลิ่มเลือดได้ หรือพบว่าเส้นเลือดในสมองขนาดใหญ่อุดตันยังมีอีกหนึ่งนวัตกรรมการรักษาที่สามารถช่วยชีวิตผู้ป่วยได้ด้วย “การใส่สายสวนลากลิ่มเลือด” (Clot Retrieval) พร้อมทั้งนำเครื่องไบเพลน (Biplane DSA) เข้ามาช่วยเพิ่มการรักษาให้มีประสิทธิภาพ และมีความปลอดภัยยิ่งขึ้น
สารบัญ
การใส่สายสวนลากลิ่มเลือด (Clot Retrieval)
เป็นการรักษาโรคหลอดเลือดสมองตีบและอุดตัน โดยการใส่สายสวนเข้าทางหลอดเลือดแดงใหญ่พร้อมขดลวดที่ขาหนีบไปจนถึงจุดที่เกิดการอุดตัน แล้วดึงเอาลิ่มเลือดที่อุดตันออกจากหลอดเลือดสมองเพื่อเปิดรูของหลอดเลือดโดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ ช่วยให้เลือดสามารถไหลเวียนไปเลี้ยงสมองส่วนที่ขาดเลือดได้อีกครั้ง ทำให้สมองได้มีโอกาสฟื้นตัว กลับมาทำงานได้ดีขึ้น สำหรับผู้ป่วยที่มีลิ่มเลือดอุดตันหลอดเลือดขนาดใหญ่ที่ให้ยาละลายลิ่มเลือดแล้วไม่ได้ผล หรือมาไม่ทันเวลา 4.5 ชม. ซึ่งการใส่สายสวนลากลิ่มเลือดสามารถขยายเวลารักษาได้ถึง 6 ชม.หลังมีอาการ หรือถึง 24 ชม. ในผู้ป่วยบางรายที่แพทย์พิจารณาแล้วว่ามีโอกาสสำเร็จ
วิธีการใส่สายสวนลากลิ่มเลือดในผู้ป่วยโรคเส้นเลือดในสมองตีบและอุดตัน ถือว่าเป็นการรักษาที่มีประสิทธิภาพสูงในการเปิดหลอดเลือดที่อุดตันได้ถึง 80% ลดภาวะแทรกซ้อนหลังการรักษา ลดโอกาสการเกิดอัมพฤกษ์ อัมพาต ผู้ป่วยมีการตอบสนองที่ดีต่อการรักษาและอาการดีขึ้นจนเป็นปกติ
เมื่อไรถึงใช้วิธีการใส่สายสวนลากลิ่มเลือด
สำหรับผู้ป่วยที่มาถึงโรงพยาบาลช้าเกินระยะเวลาการให้ยาละลายลิ่มเลือด คือ 4.5 ชั่วโมง และตรวจด้วยการเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (X-ray) หรือเครื่องสร้างภาพด้วยแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) แล้วพบว่า มีหลอดเลือดสมองอุดตันขนาดใหญ่และยังอยู่ในเกณฑ์ที่ยังสามารถทำการรักษาด้วยวิธีนี้ได้
ผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยยาละลายลิ่มเลือดทางหลอดเลือดดำ แล้วไม่ได้ผลหรือยังมีอาการผิดปกติ โดยแพทย์พิจารณาว่าสามารถใช้วิธีการใส่สายสวนลากลิ่มเลือดได้ และเป็นหลอดเลือดสมองขนาดใหญ่เท่านั้น รวมทั้งผู้ป่วยมีข้อห้ามบางประการของการให้ยาละลายลิ่มเลือด หรือมีภาวการณ์แข็งตัวของเลือดผิดปกติ
ขั้นตอนการใส่สายสวนลากลิ่มเลือดในหลอดเลือดสมอง
- ผู้ป่วยจะต้องได้รับยาระงับความรู้สึกหรือยาสลบ
- ทำความสะอาดผิวหนังบริเวณขาหนีบ
- กรีดผิวหนังบริเวณขาหนีบ เป็นแผลขนาดเล็กประมาณ 3-4 มิลลิเมตร สำหรับสอดสายสวน
- แพทย์จะทำการใส่สายสวนเข้าทางหลอดเลือดแดงใหญ่ที่ขาหนีบ จนกระทั่งถึงตำแหน่งที่ลิ่มเลือดอุดตันที่หลอดเลือดในสมอง โดยอาศัยการเอกซเรย์นำทางบอกตำแหน่ง
- จากนั้นแพทย์จะทำการใส่ขดลวดพิเศษขนาดเล็ก (Stent) ผ่านเข้าไปในสายสวนจนถึงตำแหน่งของลิ่มเลือด แล้วทำการปล่อยขดลวดให้ค่อยๆ กางออกในลักษณะเป็นตะแกรงหลอดเลือดเพื่อเกาะจับลิ่มเลือด แล้วค่อยๆ นำออกมาผ่านสายสวน
- ดึงสายสวนออกจากร่างกายผู้ป่วยทางขาหนีบ
- เมื่อแพทย์นำลิ่มเลือด ขดลวดและสายสวนออกจากผู้ป่วยแล้ว พยาบาลจะกดห้ามเลือดที่ขาหนีบไว้ ประมาณ 10 - 15 นาที โดยผู้ป่วยต้องนอนราบบนเตียง ห้ามงอขาข้างที่ใส่สายสวนประมาณ 8-12 ชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์)
- ผู้ป่วยจะต้องนอนพักที่หอผู้ป่วยระยะวิกฤต เพื่อสังเกตอาการ โดยแพทย์และพยาบาลจะเฝ้าสังเกตอาการเปลี่ยนแปลงทางสมอง อาการเลือดออกในสมอง ตรวจสัญญาณชีพอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง หากประเมินแล้วว่าผู้ป่วยปลอดภัยดี แพทย์จึงจะอนุญาตย้ายให้ไปนอนพักฟื้นที่หอผู้ป่วยปกติได้
เพิ่มศักยภาพการรักษาผู้ป่วยหลอดเลือดสมองตีบและอุดตันด้วย Biplane DSA
การใส่สายสวนลากลิ่มเลือดรักษาผู้ป่วยหลอดเลือดสมองตีบและอุดตันนั้น จะทำโดยมีเครื่องเอกซเรย์สำหรับตรวจวินิจฉัยและรักษาโรคหลอดเลือดชนิดสองระนาบ (Biplane Digital Subtraction Angiography) หรือ Biplane DSA ที่สามารถสร้างภาพ 3 มิติของหลอดเลือด ภาพเสมือนภาพเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ ภาพแผนที่หลอดเลือดนำทาง ซึ่งเป็นตัวช่วยที่สามารถถ่ายภาพหลอดเลือดได้อย่างชัดเจน ช่วยให้แพทย์ทำหัตถการการรักษาผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง โดยการใส่สายสวนหลอดเลือดขนาดเล็กได้ถึงจุดที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ และแก้ไขได้ทันที ทำให้การรักษาโรคหลอดเลือดมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
ภายหลังการรักษาผู้ป่วยจะได้เข้ารับการฟื้นฟูร่างกายและระบบประสาทโดยการทำกายภาพบำบัด เพื่อให้สามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงปกติมากที่สุด ซึ่งผลลัพธ์ก็จะแตกต่างกันแล้วแต่ผู้ป่วยแต่ละราย
วิดีโอที่เกี่ยวข้อง
ความประทับใจจากผู้เข้ารับบริการ
ปรึกษาทุกปัญหาสุขภาพแบบออนไลน์
ไม่เสียค่าใช้จ่าย
บทความทางการแพทย์ศูนย์สมองและระบบประสาท